วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

กีฬา เทนนิส

ประวัติกีฬาเทนนิส
  
  เทนนิสเล่นกันในประเทศกรีกตั้งแต่ก่อนคริสกาล เทนนิสมีรากฐานมาจากกีฬาแฮนด์บอลในสมัยโบราณ ระหว่างยุคกลาง (Middle ages ) ก็ได้พัฒนามาเป็นกีฬาที่ตีลูกกลับไปกลับมาระหว่างคนสองคนแทนที่จะตีเข้าข้างฝา ชื่อเทนนิสมาจากภาษาฝรั่งเศสว่า TENEZ แปลว่า เอาหรือพร้อม ตอนแรกการเล่นไม่มีเส้นขอบเขต แต่ต่อมาได้มีสนามรูปร่างเหมือนนาฬิกาทรายมีเส้นลากผ่านทางคอดตรงเส้นกลาง
     ตอนแรก ๆ ลูกบอลทำด้วยหนังหุ้มผมอยู่ภายใน ไม้ตีได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ สำหรับป้องกันการตีลูก โดยการใช้ถุงมือแล้วต่อมาได้มีการพันเชือกรอบ ๆ ถุงมืออีกที สำหรับการป้องกันลูกได้ดีขึ้นจากการรวมของไม้กับเชือกเข้าด้วยกัน
 
    ในยุคกลางกีฬาประเภทนี้ได้ถูกนำเข้ามาเล่นในอังกฤษซึ่งพวกขุนนางเล่นกัน การนับคะแนนนั้นสับสนมากจนคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้ และสนามก็แพงมากเฉพาะคนรวยเท่านั้นที่หามาเล่นได้จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1874 การนับคะแนนก็ทำให้ได้งานยิ่งขึ้นและกฎของกีฬาเทนนิสก็ถูกดัดแปลงให้ใช้เล่นกับสนามธรรมดาได้
     การใช้สิบห้า สามสิบ ฯลฯ ในการนับคะแนนของแต่ละคนอาจอธิบายได้ดังนี้ การเล่นไล่หรือการแยกนับคะแนนเป็น 1, 2, 3 ฯลฯ ไล่ สิบห้า นับเป็นหนึ่งคะแนนและเกมส์หนึ่งจะมี 4 หรือ 5 คะแนน คำอธิบายนี้เป็นคำแนะนำของนักประวัติศาสตร์เทนนิสซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้
     คำว่า LOVE แปลว่า ไม่มีคะแนนมาจากวลีที่ว่า FOR LOVE แปลว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ได้อะไร ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1678 ในส่วนเกี่ยวกับการเล่นการแข่งขันเพื่อความสนุกแล้วก็กลายเป็นคำที่ใช้ในกีฬาฟุตบอล เทนนิส ฯลฯ แปลว่า ไม่มีคะแนน ข้างที่ไม่ได้คะแนนเรียกว่า LOVE
     หลังจากการนับคะแนนและกติกาต่างๆ ได้ทำให้ง่ายขึ้นแล้ว เทนนิสก็กลายเป็นกีฬาที่นิยมทั่วไปในอังกฤษ ฝรั่งเศส และขยายออกไปอย่างรวดเร็วในประเทศอาณานิคมของทั้งสองประเทศนี้ กีฬาเทนนิสได้ถูกนำมาเล่นในประเทศสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1875 โดย MARRY OUTERBRIDGE หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งเป็นกีฬาที่นิยมกันมากเลย ได้นำอุปกรณ์ ไม้ เนต และลูกบอลมาแนะนำเพื่อนที่ GRATEN ISLAND ซึ่งที่นั้นมีสนามหญ้าที่เรียบ และมีหญ้าชนิดดี กีฬานี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วยังตะวันออก CLICKET CLUB ก็มีเทนนิสรวมอยู่ด้วยพร้อมกับกีฬาอื่น ๆ สำหรับให้สมาชิกเล่น
     ใน ค.ศ. 1881 สมาคมลอนเทนนิสในสหรัฐอเมริกาได้ตั้งขึ้น ณ กรุงนิวยอร์กและบอสตัน จากองค์การนี้ความแพร่หลายของเทนนิสก็ได้มีการนิยมเล่นกว้างขวางขึ้นอย่างรวดเร็ว การแข่งขันที่มีขึ้นในสหรัฐฯ น้อยครั้งที่จะมีการเล่นในสนามหญ้า แต่อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่เป็นทางการไม่ว่าจะเล่นบนสนามดินหรือซีเมนต์ก็มีการรับรองโดยสมาคมลอนเทนนิสแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S.L.T.A ) ทั้งนั้น มีการแข่งขันระหว่างเมือง รัฐ ภาค และระหว่างประเทศ โดยเล่นในสนามต่าง ๆ กันที่ทำขึ้นโดยเฉพาะผู้ชาย ผู้หญิง เด็กชาย เด็กหญิงและเยาวชน และมีการแข่งขันในสวนสาธารณะโดยเล่นกันระหว่างมหาวิทยาลัย ฯลฯ
     การแข่งขัน WIGHTMAN CUP เป็นการแข่งขันสำหรับผู้หญิงระหว่างอังกฤษกับสหรัฐฯ ถ้วยนี้ได้ถูกนำข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกหลายครั้ง โดยทีมที่ชนะการแข่งขันและจะอยู่ในประเทศที่ชนะจนกระทั่งทีมอื่นจะได้มันไป
     ส่วนใหญ่ในการแข่งขันระดับประเทศได้มีประเทศอื่น ๆ เข้ามาแข่งขันกันอย่างมากมาย เช่น บางทีเราจะได้ข่าวว่าผู้ชนะจากประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อในการชนะหลายตำแหน่งนอกเหนือจากตำแหน่งที่เขาได้รับจากประเทศของตน
     มีบ่อยๆ ครั้งจะมีผู้เล่นฝีมือเยี่ยม ๆ ประมาณ 64 คน เข้าสมัครแข่งขันระหว่างรัฐ ภาค และระหว่างประเทศ ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์เล่นได้ คุณสมบัติของผู้เล่นประกอบด้วยสถิติของการเล่นในระหว่างปีหรือปีก่อน ๆ ที่ผู้เล่นได้ทำการแข่งขันมา

กีฬา ตระกร้อ

ประวัติกีฬาเซปักตะกร้อ
  


           ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าชาติใดเป็นผู้ให้กำเนิดกีฬาตะกร้อเป็นชาติแรก เพียงแต่ทราบว่ากีฬาตะกร้อหรือกีฬาที่คล้ายกันนี้นิยมเล่นกันมาในหลายชนชาติ เช่น ไทย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ และชาวไดยัก ของบอร์เนียว นิยมเตะตะกร้อหวาย ส่วนชาวจีน เกาหลี และทางภาคใต้ของไทยนิยมเตะลูกขนไก่ และพัฒนามาเป็นตะกร้อลอดบ่วง ตะกร้อข้ามตาข่าย การเตะตะกร้อ และตะกร้อข้ามตาข่ายแบบเซปัก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
      พ.ศ. 2508 บรรจุการแข่งขันเซปักตะกร้อครั้งแรกในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 3
      พ.ศ. 2524 ก่อตั้งสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย
      พ.ศ. 2533 บรรจุการแข่งขันเซปักตะกร้อครั้งแรกในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 11
 
 

กีฬา กอล์ฟ

ประวัติกีฬากอล์ฟ
 
       กอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นในยามว่าง และแข่งขันกันทั้งระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพ เป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในความนิยมระดับโลก ผู้เล่นจะมีไม้หลายอันเป็นชุด แต่จะต้องไม่เกิน 14 อัน ใช้ตีลูกเล็กๆ จบกันเป็นหลุมต่อเนื่องกันไป อาจจะ 9 หรือ 18 หลุมตามแต่กำหนด โดยนับการตีจำนวนครั้งน้อยที่สุดจะดีที่สุด สนามต่างๆ ที่ใช้เล่นได้รับการออกแบบมาให้มีระยะทาง อุปสรรคต่างๆ ในแต่ละหลุมเช่น อุปสรรคน้ำ บังเกอร์ทราย ต้นไม้ ความลาดเทของสนาม และกรีน เป็นต้น
      

  เพื่อให้มีความยากง่ายและความท้าทายในการเล่น ประวัติศาสตร์มีหลายประเทศอ้างว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดกีฬากอล์ฟ เช่น ประเทศเยอรมนี ในศตวรรษที่ 14 เจ้าของฝูงแกะซึ่งจ่ายภาษีให้กับขุนนางเจ้าของที่ดิน ได้รับสิทธิ์ใช้ผืนที่ดินเลี้ยงแกะโดยขุนนางให้ใช้ไม้ที่ปลายตาขอสำหรับเกี่ยวคอแกะ ตีก้อนหินลูกกลมๆ ตามจำนวนครั้งเป็นเท่ากับจำนวนแกะที่เลี้ยงไว้ ขนาดผืนดินใช้เลี้ยงแกะเท่ากับความกว้างยาวที่เจ้าของฝูงแกะตีได้ อีกทฤษฎีหนึ่งของจุดเริ่มต้นกีฬากอล์ฟ มาจากชาวประมงชาวสกอตที่กลับจากการหาปลา เวลาเดินผ่านทุ่งหญ้าก็เอากิ่งไม้เดินหวดลูกหินไปตามทาง และเมื่อหวดไปครั้งหนึ่งก็ลองหวดต่อไปเรื่อยๆ ดูว่าจะตีไปได้ไกลกว่าลูกแรกหรือไม่ เมื่อลูกหินหล่นลงไปในบ่อหรือแอ่งดินที่แกะใช้เป็นที่หลบภัยธรรมชาติ ชาวประมงก็ต้องใช้ความสามารถที่จะตีให้ลูกหินออกมาได้จนกว่าจะเดินถึงบ้าน บ่อนั้นก็ได้พัฒนามาเป็นบังเกอร์ทราย เมื่อลูกกอล์ฟตกลงไปในโพรงที่กระต่ายขุดไว้ก็เท่ากับเป็นการค้นคิดวิธีการเล่นกอล์ฟขึ้นมาในตัวเองว่าเกมส์จะจบลงเมื่อลูกลงหลุม
     
        เป็นที่ยอมรับกันว่ากีฬากอล์ฟหรือกีฬาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่ยังไม่มีหลักฐานอ้างอิงได้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ริเริ่มขึ้นเมื่อใด ได้มีการค้นคว้าหาจุดเริ่มต้นย้อนอดีตไปจนถึงยุคจักรวรรดิ์โรมันซึ่งมีการเล่นเกมส์ที่เรียกว่า พากานิก้า (Paganica) บ้างก็อ้างว่ากีฬากอล์ฟพัฒนามาจากการเล่น ชูเดอมาล (Jeu de mail) ของชาวฝรั่งเศส หรือ โคลเวน (Kolven) ของชาวฮอลแลนด์ นอกจากนั้นก็ยังมีเกมส์อื่นๆ ซึ่งเล่นกันในหมู่ขุนนางอังกฤษ และจักรพรรดิ์โรมันเล่นในยามว่าง เป็นเกมส์ที่ยืนด้านข้าง ใช้ไม้ตีลูกที่มีเปลือกทำจากหนังวัวบางๆ เย็บติดกันและยัดไส้ด้วยขนห่าน และลูกที่ใช้ตีในบางเกมเป็นแกนไม้เนื้อแข็ง นำมาขัดเป็นก้อนกลมๆ และบางเกมในทวีปยุโรปสมัยก่อน เล่นกันเป็นทีมโดยฝ่ายหนึ่งตีลูกสามครั้งให้โดนเป้าตามระยะที่กำหนด ส่วนฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามตีลูกหนึ่งครั้งกลับไปอยู่ในที่ที่เป็นอุปสรรค

       ระยะเวลาหกร้อยปีที่ผ่านมา เกมส์ต่างๆ ในทวีปยุโรปได้พัฒนาจนเข้าสู่ยุคของสกอตแลนด์ซึ่งได้อ้างอย่างหนักแน่นตามหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดกีฬากอล์ฟ ในกลางศตวรรษที่ 15 ในช่วงที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเซนต์ แอนดรูวส์ กีฬากอล์ฟได้เล่นกันในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่สองแห่งราชวงศ์สกอต จากการทำศึกต่อสู้กับองกฤษในสมัยนั้น ทางสกอตแลนด์มีบันทึกที่กล่าวไว้ว่า ทางรัฐสภาสกอตได้มีการให้ยกเลิกการเล่นกอล์ฟไปหลายปี เนื่องจากพลธนูและนายทหารไม่ไปซ้อมยิงธนู แต่ได้หันไปติดเล่นกอล์ฟ และ 40 ต่อมาได้มีการสงบศึกกับอังกฤษ พระเจ้าเจมส์ที่สี่ก็รีบยกเลิกกฎหมายห้ามการเล่นกอล์ฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในศตวรรษที่ 16 กีฬากอล์ฟถือได้ว่าเป็นกีฬาที่เล่นอย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของประเทศสกอตแลนด์

       กลางศตวรรษที่ 18 กลุ่มนักกอล์ฟชายในสกอตแลนด์ได้ก่อตั้งสมาคมกอล์ฟขึ้น โดยกำหนดกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นกอล์ฟ ต่อมาก็ได้ก่อตั้งสโมสรเดอะรอแยล แอนด์ เอเชียนกอล์ฟคลับ ออฟเซนต์แอนดรูวส์ (The Royal and Ancient Golf of Saint Anderws ใช้ชื่อย่อว่า R&A) ซึ่งเป็นสมาคมกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อกำหนดและแก้ไขกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 20 สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Golf Association ใช้ชื่อย่อว่า USGA) ได้เข้ามาร่วมวินิจฉัยแก้ไขเพิ่มเติมกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กีฬากอล์ฟได้เริ่มเล่นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และนิยมเล่นกันแพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20

       อย่างไรก็ตาม ผู้ที่บุกเบิกกีฬากอล์ฟแพร่หลายคือชาวสกอตและพัฒนาการเล่นจากทุ่งหญ้าชายฝั่งทะเลไปที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ชาวสกอตไปตั้งรกรากถิ่นฐานทำมาหากิน ด้วยความหลงใหลในกีฬากอล์ฟทำให้ชาวสกอตนำไปเผยแพร่และสอนให้ชาติอื่นๆ ได้เรียนรู้วิธีการเล่น รวมทั้งการวางกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นมาจนถึงทุกวันนี้

กีฬา กรีฑา


ประวัติกีฬากรีฑา
สมัยมนุษย์ชาวถ้ำ กรีฑานับว่าเป็นกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดเกิดมาพร้อมกับมนุษย์ เพราะแต่ก่อนมนุษย์เราไม่รู้จักทำมาหากินเป็นหลักแหล่ง ไม่รู้จักสร้างที่พัก เครื่องนุ่งห่มเหมือนปัจจุบัน มนุษย์สมัยนั้นต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ และความดุร้ายของสัตว์ป่านานาชนิด มีที่อยู่อาศัยแห่งเดียวคือ ตามถ้ำซึ่งเราเรียกว่า Cave man พวกนี้แหล่ะที่เป็นต้นกำเนิดของการกีฬา โดยที่มนุษย์เหล่านี้ต้องกันตัวเองจากสัตว์ร้ายบางครั้งต้องวิ่งหนี การพยายามวิ่งเร็วเพื่อให้พ้นจากสัตว์ไป การวิ่งเร็วของคนถ้าหากเทียบกับปัจจุบันก็เป็นพวกวิ่งระยะสั้น หากการวิ่งหนีที่ต้องใช้การวิ่งเวลานาน ๆ ก็เป็นการวิ่งระยะยาว หรือวิ่งทน
              การวิ่งในที่นี้อาจรวมไปถึงการวิ่งเพื่อไล่จับสัตว์มาเป็นอาหารหรือการต่อสู้ระหว่างเผ่ากันด้วย ในบางครั้งขณะที่วิ่ง มีต้นไม้หรือก้อนหินขวางหน้า ถ้าเป็นต่ำก็กระโดดข้ามไป ปัจจุบันก็เป็นกระโดดข้ามรั้วและกระโดดสูง ถ้าต้องกระโดดข้ามลำธารเล็ก ๆ แคบ ๆ เป็นช่วง ๆ ติดต่อกัน ก็กลายมาเป็นกระโดดไกลและเขย่งก้าวกระโดด แต่ถ้าลำธารหรือเหวนั้นกว้างสุดที่จะกระโดดไกล และเขย่งก้าวกระโดดข้ามได้อย่างธรรมดาจำเป็นต้องหาไม้ยาว ๆ มาปักกลางลำธารหรือแง่หินและโหนตัวข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ก็กลายเป็นกระโดดค้ำ การใช้หอกหรือแหลนที่ทำด้วยไม้ยาว ๆ เป็นอาวุธพุ่งฆ่าสัตว์ปัจจุบันก็กลายมาเป็นพุ่งแหลน หรือการเอาก้อนหินใหญ่ ๆ ทุ่มใส่สัตว์ ขว้างสัตว์ก็กลายเป็นขว้างจักรในสมัยนี้ จึงได้เห็นได้ว่าการวิ่ง กระโดด ทุ่ม พุ่ง ขว้าง เหวี่ยง ที่พ่อ แม่ หรือหัวหน้าเผ่าสั่งสอนถ่ายทอดให้กันสมัยนั้น เพื่อไว้ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันมาในปัจจุบันก็มีเช่นกัน ผู้ทำหน้าที่นั้นก็คือ ครูบาอาจารย์ และโค้ชนั่นเอง
สมัยโรมัน ต่อมาในปลายสมัยของ “ โฮเมอร์” มีชนเผ่าหนึ่งมาตั้งรกรากอยู่บนฟากฝั่งแม่น้ำ “ ไทเบอร์” ทางด้านตะวันออกของกรีก พวกนี้เองตอนหลังกลายเป็นพวกโรมันเป็นชาตินักรบมีความกล้าหาญ อดทน และมีอิทธิผลยิ่งใหญ่ขึ้นมาพร้อม ๆ กับความเสื่อมลงของประเทศกรีก และในที่สุด เมื่อกรีกตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิโรมัน การกีฬาของกรีกก็พลอยเสื่อมลงเป็นลำดับ ส่วนการพลศึกษาของโรมันเจริญขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ทางด้านพลศึกษา เพื่อให้พลเมืองมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเป็นทหารของชาติต่อไป

ประวัติกรีฑาในประเทศไทย
การเล่นกรีฑาในประเทศไทยริเริ่มโดยครูฝรั่งชาวอังกฤษนำมาสอนให้นักเรียนไทยได้ฝึกเล่นกันในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วค่อยเจริญแพร่หลายขึ้นหลังปี พ.ศ.2440 เป็นต้นมา
การเล่นกรีฑาเริ่มเป็นทางการขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปและเมื่อเสด็จนิวัติกลับประเทศไทย ทางราชการโดยมอบหมายให้ กระทรวงธรรมการ ครู นักเรียนรวมถึงประชาชนได้จัดการแข่งขันกรีฑานักเรียนและประชาชน โดยได้จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง (ทุ่งพระสุเมรุ) เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2440 และตั้งแต่นั้นมาก็จัดเป็นประเพณีสืบทอดต่อกันมาโดยตลอด

ปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลตั้งกรมพลศึกษาขึ้น กรมพลศึกษามีนโยบายส่งเสริมการกีฬาและการกรีฑาของชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น หลังจากตั้งกรมพลศึกษาขึ้นแล้ว กีฬาและกรีฑาได้ก็รับการสนับสนุนจัดให้มีการแข่งขันหลายประเภท เช่น กรีฑาระหว่างโรงเรียน กรีฑาระหว่างมหาวิทยาลัย และกรีฑาระหว่างประชาชน เป็นต้น
ปี พ.ศ. 2494 ได้มีการจัดตั้งสมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้น มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการแข่งขัน กรีฑาประเภทมหาวิทยาลัยและประชาชนแทนกรมพลศึกษา และในปีนี้เองประเทศไทยก็สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์กรีฑาโลก
ปี พ.ศ. 2504 ได้จัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทยขึ้น มีหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมกีฬาประชาชน โดยจัดให้มีการแข่งขันกีฬาทุกๆ ปีหมุนเวียนกันไปในแต่ละจังหวัด ในการแข่งขันกีฬาเขต (กี ฬาแห่งชาติในปัจจุบัน) และถือว่ากรีฑาเป็นกีฬาหลักที่ต้องมีการแข่งขันทุกครั้ง
ปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสมาคมกรีฑาสมัครเล่นแห่งประเทศไทยเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

รวมประโยชน์ผัก

1 สะเดา (Neem tree) 
มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ




2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) 
ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์




3 ต้นหอม (Shallot) 
มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง


4 แครอท (Carrot) 
เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้


5 หอมหัวใหญ่ (Onion) 
มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด


6 คะน้า (Chinese kale) 
มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง


7 พริก (Chilli) 
มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ





8 กระเจี๊ยบเขียว (Okra) 
ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ



9 ผักกระเฉด(Water mimosa) 
ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร



10 ตำลึง (Ivy gourd) 
มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร



11 มะระ (Chinese bitter cucumber) 
มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด



12 ผักบุ้ง (Water spinach) 
บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด



13 ขึ้นฉ่าย (Celery) 
กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด



14 เห็ด (Mushroom) 
แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน



15 บัวบก (Indian pennywort) 
มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ





6 สะระแหน่ (Kitchen mint) 
กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว





17 ชะพลู (Cha-plu) 
รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง





18 ชะอม (Cha-om) 
ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ





19 หัวปลี (Banana flower) 
รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง





20 กระเทียม (Garlic) 
ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง





21 โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม




22 ขิง (Ginger) 
บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ





23 ข่า (Galangal) 
น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา





24 กระชาย (Wild ginger) 
บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม





25 ถั่วพู (Winged bean) 
ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว





26 ดอกขจร (Cowslip creeper) 
กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน





27 ถั่วฝักยาว (Long bean) 
มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด





28 มะเขือเทศ (Tomato) 
มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง





29 กะหล่ำปลี (White cabbage) 
มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง





30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) 
ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส


31 ผักชี (Chinese paraley) 
ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง



32 กุยช่าย (Flowering chives) 
มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง





33 ผักกาดหัว (Chinese radish) 
แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี





34 กะเพรา (Holy basil) 
แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้





35 แมงลัก (Hairy basil) 
ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ





36 ดอกแค (Sesbania) 
กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา